นวัตกรรมความยั่งยืนของเอปสัน: จากการเป็นผู้บุกเบิกเลิกใช้สาร CFC สู่เทคโนโลยีการพิมพ์ไร้ความร้อน

นวัตกรรมความยั่งยืนของเอปสัน:
จากการเป็นผู้บุกเบิกเลิกใช้สาร CFC สู่เทคโนโลยีการพิมพ์ไร้ความร้อน
ประหยัดไฟฟ้าและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกถึง 85% จนกลายเป็นหนึ่งในองค์กรชั้นนำด้านความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม
เมื่อผู้บริโภคเริ่มหันมาให้ความสำคัญกับความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อมควบคู่กับคุณภาพและราคาสินค้า ขณะที่ประชาคมโลกเองก็เรียกร้องให้ภาคธุรกิจแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมมากขึ้น เราจึงเห็นบริษัทหลายแห่งนำแนวทางความยั่งยืนมาเป็นหัวใจในการขับเคลื่อนธุรกิจของตนเอง
เอปสันผู้ผลิตเทคโนโลยีเครื่องพิมพ์และโปรเจคเตอร์อันดับหนึ่งของโลกจากญี่ปุ่น เป็นอีกหนึ่งบริษัทชั้นนำที่ให้ความสำคัญกับการรักษาสิ่งแวดล้อมควบคู่กับการดำเนินธุรกิจนับตั้งแต่แรกเริ่มก่อตั้งบริษัทในทศวรรษ 1940
เอปสัน เริ่มต้นจากการเป็นโรงงานผลิตนาฬิกาข้อมือ ก่อนจะขยายธุรกิจไปยังหลากหลายสายเทคโนโลยีและมีสำนักงานสาขากระจายอยู่ทั่วโลกเหมือนทุกวันนี้ ตลอดระยะเวลากว่า 80 ปี เอปสันเติบโตไปพร้อมๆ กับนโยบายด้านความยั่งยืนที่เข้มข้นขึ้น โดยเริ่มต้นจากความพยายามรักษาสภาพสิ่งแวดล้อมรอบทะเลสาบซูวะ ในจังหวัดนากาโน่ ซึ่งเป็นที่ตั้งของบริษัทฯ ให้สะอาดและมีนิเวศที่สมบูรณ์ ก่อนจะเติบโตขึ้นและกลายเป็นบริษัทแรกของโลกที่ประกาศว่าจะกำจัดสารซีเอฟซีที่ทำลายชั้นโอโซนออกจากกระบวนการผลิตทั้งหมด ซึ่งบริษัทฯ ประสบความสำเร็จในปี 1993
ในปี 2004 Epson ได้เข้าร่วมข้อตกลงโลกแห่งสหประชาชาติ (United Nations Global Compact) และได้ประกาศให้การสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable Development Goals) ขององค์การสหประชาชาติ ปัจจุบัน เอปสันยังคงพัฒนานวัตกรรมมากมายที่สามารถเปลี่ยนชีวิตของผู้คนและสร้างโลกให้น่าอยู่ยิ่งขึ้น
นายซิ่ว จิน เกียด ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายการตลาดประจำภูมิภาค เอปสัน เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า “ตลอดหนึ่งทศวรรษที่ผ่านมา ผู้คนหันมานิยมบริโภคสินค้าจากบริษัทผู้ผลิตที่ยึดถือหลักความยั่งยืนในการดำเนินธุรกิจ ในขณะที่หลายบริษัทในระดับโลกต่างเริ่มหันมาให้ความสำคัญเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม และมุ่งมั่นที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง ดังนั้นการดำเนินธุรกิจที่สอดคล้องกับความยั่งยืนจึงกลายเป็นจุดเด่นหนึ่งขององค์กรธุรกิจที่ได้รับการยอมรับนับถือในระดับโลก”
“ในขณะที่ผู้บริโภคก็เต็มใจที่จะเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะคนกลุ่ม Millennial และ GenZ ที่ไม่ได้มองราคาเป็นปัจจัยในการเลือกซื้อสินค้าเพียงอย่างเดียว แต่ยังมองถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมรวมถึงการมีส่วนในการตอบแทนสังคม การที่ผู้ผลิตสามารถแสดงออกถึงบทบาทของบริษัทในการรักษาสิ่งแวดล้อมถือเป็นความได้เปรียบในเชิงการแข่งขันทางธุรกิจ ที่ไม่เพียงแต่จะรักษาพนักงานไว้กับองค์กร แต่ยังช่วยปกป้องบริษัทจากประเด็นสังคมต่างๆ เพิ่มความน่าเชื่อถือในสังคม ทั้งยังทำให้ผู้บริโภคนิยมซื้อสินค้าและบริการของบริษัทนั้นอย่างต่อเนื่องอีกด้วย”
ล่าสุดเอปสันในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เปิดตัวแคมเปญ “Be Cool” เพื่อสื่อสารถึงเทคโนโลยี Heat-Free ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการพิมพ์ที่ไม่ใช้ความร้อนในกระบวนการพิมพ์ ช่วยให้ประหยัดการใช้พลังงานไฟฟ้าและลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ได้มากกว่าเครื่องพิมพ์เลเซอร์ทั่วไปถึง 85% การออกแบบให้มีชิ้นส่วนหรืออะไหล่ภายในตัวเครื่องที่น้อยกว่า ยังช่วยลดการใช้ชิ้นส่วนได้มากถึง 59% เมื่อเทียบกับเครื่องพิมพ์เลเซอร์ โดยเอปสันนำเทคโนโลยี Heat-Free ไปใช้กับเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทที่มีกลุ่ม EcoTank, WorkForce Pro และ WorkForce Enterprise ครอบคลุมการใช้งานทุกรูปแบบ
ในส่วนของการรีไซเคิล เอปสันได้พัฒนา Epson PaperLab ระบบรีไซเคิลกระดาษแบบแห้งที่สามารถนำกระดาษที่ใช้แล้วนำมาย่อยสลายและขึ้นรูปให้กลับมาเป็นกระดาษใหม่ได้ ตอบโจทย์การพิมพ์ที่เปี่ยมประสิทธิภาพ ตลอดจนลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้อย่างครบวงจร
ในประเทศไทย ล่าสุดเอปสันยังมีกิจกรรมที่สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน Sustainable Development Goals ว่าด้วยชีวิตบนบก “Life on Land” โดยได้ร่วมกับมูลนิธิคุ้มครองสัตว์ป่าและพรรณพืชแห่งประเทศไทยฯ จัดกิจกรรม “Wheel for Wild” ปั่นพิทักษ์ป่า โดยให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมปั่นจักรยานเพื่อสร้างกระแสไฟฟ้าให้กับเครื่องพิมพ์ Heat-Free ของเอปสัน เพื่อใช้ในการพิมพ์ประกาศนียบัตรจากทางมูลนิธิฯ โดยเอปสันร่วมสมทบทุน 30 บาท ต่อทุก 1 ใบประกาศนียบัตรที่ถูกพิมพ์ออกมา มอบให้กับมูลนิธิคุ้มครองสัตว์ป่าและพรรณพืชแห่งประเทศไทย เพื่อนำไปใช้ในการรณรงค์ต่อไป
ความตั้งใจจริงและยึดถือความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมทำให้บริษัทได้รับเหรียญแพลตทินัมด้านความยั่งยืนในแบบองค์รวม ในปี 2020 จาก EcoVadis บริษัทจัดอันดับองค์กรด้านความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม จากการประเมินธุรกิจมากกว่า 75,000 บริษัท จาก 200 อุตสาหกรรม ใน 160 ประเทศทั่วโลก เอปสันถูกจัดอยู่ในกลุ่มองค์กรที่ได้คะแนนสูงสุด ซึ่งมีเพียง 1% ในอุตสาหกรรมการผลิตคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วง
ภารกิจด้านความยั่งยืนของเอปสันยังคงเดินหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง ดังที่นายซิ่ว จิน เกียด ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายการตลาดประจำภูมิภาค เอปสัน เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้กล่าวว่า
“ภารกิจของเอปสันคือการสร้างความไว้วางใจให้กับทุกภาคส่วน ด้วยการเติบโตของธุรกิจ ความสำเร็จในการดำเนินงาน และพันธกิจเพื่อการสร้างโลกที่ดีขึ้น วิสัยทัศน์สู่ความยั่งยืนในอนาคตของเรา ทำให้เรามุ่งมั่นที่จะลดการก่อให้เกิดก๊าซคาร์บอน โดยมุ่งให้ความรู้กับสาธารณชน พร้อมทำงานร่วมกับเยาวชน เพื่อสร้างผลลัพธ์ที่ยั่งยืนต่อไป”
#epson #becool #sustainability #advertorial